ในแต่ละปี ผู้คนมีการทำธุรกรรมเพื่อส่งเงินหลายแสนล้านดอลลาร์ แต่น่าเศร้าเนื่องจากเงินจำนวนมากมายเช่นนั้นได้ก่อให้เกิดพวกมิจฉาชีพที่พยายามหลอกลวงผ่านการโอนเงินแบบต่างๆ
Remitly เราต้องการช่วยให้คุณเข้าใจว่ากลโกงการโอนเงินเหล่านี้มีขั้นตอนอย่างไร และตระหนักถึงสัญญาณเตือนของการฉ้อโกงที่อาจเกิดขึ้นเพื่อให้คุณรักษาเงินของคุณให้ปลอดภัย
11 กลโกงสแกมเมอร์ใช้หลอกโอนเงิน
เมื่อผู้คนรับรู้ถึงวิธีการฉ้อโกงโอนเงินได้ดีมากขึ้น เช่น การขโมยบัตรเครดิตและการฉ้อโกงการโอนเงิน นักต้มตุ๋นก็จะเริ่มปรับปรุงกลวิธีการโกงแบบใหม่อีกเช่นกัน
เนื่องจากการติดตามกลโกงจากนักต้มตุ๋นเหล่านี้อาจเป็นเรื่องซับซ้อน ดังนั้น การป้องกันที่ดีที่สุดคือ การเรียนรู้เพื่อให้รู้เท่าทันการกระทำที่อาจเป็นการฉ้อโกงเมื่อประสบเจอกับเหตุการณ์
ต่อไปนี้คือ การหลอกลวงที่พบบ่อยที่สุดที่พบเจอใน Remitly ซึ่งเราพยายามทำงานอย่างไม่เหน็ดเหนื่อยเพื่อรักษาข้อมูลของลูกค้าให้ปลอดภัย
แต่ทั้งนี้ หากคุณส่งเงินไปยังพวกมิจฉาชีพ เราอาจไม่สามารถช่วยเหลือคุณได้ คุณอาจต้องสูญเสียเงินจำนวนนั้น
1. การหลอกลวงเงินฉุกเฉินให้ครอบครัว.
การ หลอกลวง ประเภทนี้ เหยื่อจะถูกชักจูงให้เชื่อว่าพวกเขากำลังส่งเงินเพื่อช่วยเหลือคนที่คุณรักหรือเพื่อนในสถานการณ์ฉุกเฉิน
นักต้มตุ๋นใช้ประโยชน์จากความกังวลซึ่งเกิดขึ้นตามธรรมชาติของเหยื่อต่อคนที่พวกเขารู้สึกห่วงใย เช่น อุบัติเหตุทางรถยนต์ การติดอยู่ในสนามบิน หรือช่วยเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกจับกุม เป็นต้น
นักต้มตุ๋นอาจโทรด่วนโดยแสดงตัวเป็นญาติ เพื่อน หรือคนที่คุณรัก หรือเป็นบุคคลผู้มีอำนาจ เช่น เจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย หรือแพทย์เพื่อหลอกลวงเอาเงินจากเหยื่อ
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- ตรวจสอบเหตุฉุกเฉินโดยติดต่อกับคนที่คุณรักหรือเพื่อนของคุณโดยตรง
- อย่ารีบเร่งในการทำธุรกรรม ให้ใช้เวลาในการตรวจสอบสถานการณ์
- ตรวจสอบข้อพิรุธหากมีการร้องขอให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับหรือเร่งด่วน
- ระวังการโทรเข้าหรือข้อความไม่พึงประสงค์จากบุคคลที่ไม่รู้จัก
2 การหลอกลวงกรรโชกทรัพย์
การหลอกลวงการขู่กรรโชกเพื่อให้ได้มาซึ่งทรัพย์สิน สมบัติ หรือเงินของแต่ละบุคคลผ่านการขู่เข็ญหรือการใช้กำลัง ความรุนแรง และการข่มขู่ต่างๆ การขู่กรรโชกทางเพศเป็นการขู่กรรโชกประเภทหนึ่งที่ผู้กระทำผิดขู่ว่าจะเปิดเผยข้อมูลที่เก็บความลับทางด้านเพศ เช่น รูปภาพหรือวิดีโอส่วนตัวที่โจ่งแจ้งทางเพศของเหยื่อ เว้นแต่เหยื่อจะสามารถตอบสนองความต้องการบางประการได้ ซึ่งมักจะเป็นการขู่เอาเงิน ทั้งนี้ ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อมักจะเป็นผู้ใหญ่ที่อายุน้อยกว่าหรือสูงอายุ
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- ระมัดระวังเกี่ยวกับคนที่คุณติดต่อบนโซเชียลและเว็บไซต์หาคู่
- ไม่ร่วมในวิดีโอแชทแบบโจ่งแจ้งหรือแลกเปลี่ยนภาพที่เปิดเผยทางเพศกับคนแปลกหน้า
- ไม่ส่งเงินให้กับบุคคลที่ขู่ว่าจะเปิดเผยภาพถ่ายหรือวิดีโอที่เป็นภาพส่วนตัว
- ระวังการสื่อสารและข้อมูลที่เป็นเท็จจากเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย
3. การคุกคาม/การขู่กรรโชกแบล็กเมล์
การคุกคาม/การหลอกลวงแบล็กเมล์เกี่ยวข้องกับการที่นักต้มตุ๋นได้เงินจากเหยื่ออย่างผิดกฎหมายผ่านการบังคับ ขมขู่ ขู่เข็ญ โดยนักต้มตุ๋นขู่ว่าจะทำร้ายเหยื่อหากพวกเขาไม่ให้ความร่วมมือ
นักต้มตุ๋นอาจเชื่อมโยงข้อมูลส่วนบุคคลในอีเมลหรือการโทรเพื่อเพิ่มการข่มขู่ พวกเขาอาจขู่ว่าจะทำร้ายร่างกาย อ้างว่ารู้ว่าคุณอาศัยอยู่หรือทำงานที่ไหน และขู่ว่าจะทำร้ายคุณหรือคนที่คุณรัก เว้นแต่ว่าคุณจะจ่ายเงินมา
นักต้มตุ๋นอาจข่มขู่เหยื่อด้วยการจับกุมหรือส่งจำคุกหากไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้อง
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- ไม่ปฏิบัติตามข้อเรียกร้องของผู้หลอกลวง
- ติดต่อหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายทันทีหากคุณรู้สึกว่าถูกคุกคามหรือรู้สึกหวาดกลัว
- ระวังการโทรหรือข้อความไม่พึงประสงค์จากบุคคลที่ไม่รู้จัก
- ระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลทางออนไลน์หรือเพื่อตอบสนองต่อสิ่งที่ไม่พึงประสงค์
4 การหลอกลวงโดยการแอบอ้าง
การหลอกลวงและต้มตุ๋น พวกมิจฉาชีพมักจะปลอมตัวเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้และหลอกขอเงินเพื่อใช้จัดการกับสถานการณ์ที่เป็นเท็จ
นักต้มตุ๋นอาจปลอมตัวเป็นตัวแทนของธุรกิจที่มีชื่อเสียง (แอบอ้างทางธุรกิจ) และทำการกล่าวอ้างที่เป็นเท็จเกี่ยวกับค่าใช้จ่ายฉ้อโกงที่ต้องได้รับการตรวจสอบหรือคืนเงิน หรือหลอกว่าจ่ายเงินเกินเพื่อขโมยเงินจากเหยื่อ
พวกมิจฉาชีพจะกล่าวอ้างสิ่งที่เป็นเท็จเกี่ยวกับการเรียกเก็บเงินที่ฉ้อโกง การคืนเงิน ปัญหาการจัดส่ง หรือค่าธรรมเนียมปลอมต่าง ๆ ที่จะทำให้เหยื่อเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลและ/หรือข้อมูลทางการเงิน มิจฉาชีพอาจแฮ็กโทรศัพท์ของลูกค้าเพื่อประมวลผลทางธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- ระมัดระวังในการแชร์ข้อมูลส่วนบุคคลทางออนไลน์หรือเพื่อใช้โทรหรือข้อความที่ไม่พึงประสงค์
- ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายของตัวแทนหรือธุรกิจ
- อย่าเปิดเผยข้อมูลทางการเงินทางโทรศัพท์หรืออีเมล
- อย่าเชื่อถือการสื่อสารที่ไม่พึงประสงค์จากบุคคลหรือธุรกิจที่ไม่รู้จัก
5. การหลอกลวงให้ลงทุน
การหลอกลวงด้าน การลงทุน มักฟังดู “ดีเกินจริง” หรือให้โอกาสในการลงทุนที่ “ปราศจากความเสี่ยง” พวกมิจฉาชีพจะพยายามกดดันให้เหยื่อลงทุนทันที ซึ่งบางครั้งจะบอกว่าโอกาสนั้นมีระยะเวลาจำกัด เหยื่อมักถูกล่อลวงผ่านแอปโซเชียลมีเดีย หรือการโทรติดต่อ/สอบถามทางอีเมล
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- ระมัดระวังโอกาสในการลงทุนที่ฟังดูดีเกินจริง หรือกดดันให้คุณต้องตัดสินใจลงทุนในทันที
- ค้นหาและตรวจสอบความถูกต้องเกี่ยวกับการลงทุนก่อนที่จะจ่ายเงินลงทุน
- อย่าลงทุนเงินที่คุณไม่สามารถรับความสูญเสียได้
6. การหลอกลวงเรื่องความรัก
สำหรับกลโกงในด้านโรแมนติก โดยเหยื่อจะถูกหลอกให้คิดว่าตนได้พบรักแท้ทางออนไลน์ นักต้มตุ๋นมักจะล้อเล่นกับความรู้สึกของคุณโดยแกล้งทำเป็นสนใจในความสัมพันธ์โรแมนติก พวกเขาใช้คำพูดที่ประจบสอพลอและรูปภาพที่ขโมยมาเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจและหลงเสน่ห์
เมื่อเหยื่อติดเบ็ดแล้ว พวกเขาจะขอเงิน พวกเขาอาจอ้างว่าเป็นค่าตั๋วเครื่องบินเพื่อพบปะหรือเพื่อชดเชยค่ารักษาพยาบาลที่ไม่คาดคิด พวกเขาจะคอยตามหาความรักและความเป็นเพื่อน จนทำให้เป็นเรื่องยากที่คุณจะปฏิเสธ
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- ยืนยันตัวตนของบุคคลนั้นด้วยการค้นหารูปภาพแบบย้อนดูภาพในอดีต หรือคุยผ่านวิดีโอ
- ตั้งข้อสงสัยคำขอที่เป็นเรื่องลับหรือเรื่องด่วน เนื่องจากนักต้มตุ๋นมักใช้กลวิธีเหล่านี้
- ระวังข้อความไม่พึงประสงค์หรือสายเรียกเข้าจากคนแปลกหน้าที่อ้างว่ารักหรือสนใจในตัวคุณ
7. การหลอกลวงอ้างฝ่ายเทคนิค
การหลอกลวงทางด้านเทคนิคเพื่อหลอกลวงโดยอ้างว่าเป็นตัวแทนของบริษัทที่มีชื่อเสียง เช่น Microsoft หรือ Apple และอ้างว่าคอมพิวเตอร์ของเหยื่อต้องการบริการเทคโนโลยีเพื่อเข้าถึงจากระยะไกลและจากนั้นก็จะขโมยเงิน
โดยทั่วไปแล้ว ผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจะได้รับโทรศัพท์ ข้อความ หรืออีเมลที่ไม่พึงประสงค์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นตัวแทนของ “ฝ่ายสนับสนุนด้านเทคนิค” “ฝ่ายช่วยเหลือ” “แผนกไอที” หรือสำนักงานที่คล้ายกันของบริษัท
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- จำไว้ว่า บริษัทที่มีชื่อเสียงต่างๆ จะไม่ติดต่อคุณและขอเข้าถึงคอมพิวเตอร์ของคุณ
- ห้ามให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงินแก่ผู้โทรหรือผู้ส่งอีเมลที่ไม่พึงประสงค์มาหาคุณ
- ตรวจสอบความถูกต้องตามกฎหมายในคำขอให้บริการสนับสนุนด้านเทคนิค
8. การหลอกลวงการตรวจคนเข้าเมือง
หากคุณได้รับโทรศัพท์จากบุคคลที่อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ก็สามารถสงสัยได้ทันที ผู้หลอกลวงอาจโทรหาคุณและอ้างว่ามีปัญหากับเอกสารการเข้าเมืองของคุณซึ่งคุณสามารถแก้ไขได้โดยการโอนเงินทันทีหรือให้ข้อมูลบัญชีของคุณ
พวกเขาอาจให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือขู่ว่าจะถูกเนรเทศ แต่คุณไม่ควรให้ข้อมูลทางการเงินส่วนบุคคลแก่ผู้ใด
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- จำไว้ว่า USCIS และรัฐบาลจะไม่ขอให้คุณโอนเงินให้กับใครเด็ดขาด คุณสามารถชำระค่าธรรมเนียมต่างๆ ผ่านแบบฟอร์มออนไลน์เฉพาะของ USCIS หรือ Pay.gov เท่านั้น
- อย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงินแก่บุคคลที่คุณไม่น่าไว้วางใจ
- ติดต่อกับ USCIS โดยตรง หากคุณต้องการความช่วยเหลือเกี่ยวกับงานตรวจคนเข้าเมือง
น่าเสียดาย คุณอาจเจอกลโกงต่างๆ เนื่องจากพวกมิจฉาชีพมักเปลี่ยนแปลงวิธีการหลอกลวงบ่อยครั้ง การเรียนรู้และจดจำสัญญาณเตือนทั่วไปเกี่ยวกับการหลอกลวงสามารถช่วยให้คุณปลอดภัยได้
9. การหลอกลวงว่าได้รับรับรางวัล
เนื่องจากมีการหลอกลวงให้โอนเงินหรือฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อรับรางวัล ซึ่งอาชญากรพยายามขโมยเงินด้วยการส่งชิงโชค ลอตเตอรี่ หรือการแข่งขันปลอมไปให้ โดยปกติแล้ว การหลอกลวงเริ่มจากอีเมลหรือโทรศัพท์จากมิจฉาชีพที่ไม่รู้จักโดยแจ้งว่าคุณได้รับรางวัลเงินสดจากประเทศอื่น
นักต้มตุ๋นอาจขอข้อมูลบัญชีธนาคารของคุณเพื่อส่งเงินรางวัลให้โดยตรง จากนั้นก็จะใช้ข้อมูลที่ได้จากคุณฉ้อโกงเงินจากบัญชีธนาคารของคุณ
การหลอกลวงอีกรูปแบบหนึ่งซึ่งทำงานคล้ายกับการหลอกลวงเงินและการโอนเงินประเภทอื่นๆ คือ มิจฉาชีพจะส่งเช็คปลอมไปให้เหยื่อ จากนั้นหลอกให้เหยื่อโอนเงินไปให้โดยอ้างเพื่อเป็นค่าธรรมเนียม เช่น เงินส่วนต่างจากการแปลงสกุลเงิน หรือค่าธรรมเนียมการดำเนินการต่างๆ
หลังจากที่คุณฝากเช็คและโอนเงินหรือฝากเงินไปแล้ว คุณจะพบว่าเช็คนั้นเป็นเช็คปลอม คุณอาจจะต้องเสียทั้งค่าธรรมเนียมธนาคารที่โดนเรียกเก็บและไม่ได้รับเงินโอนเหล่านั้นคืน
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- ศึกษาข้อมูลการชนะการแข่งขันหรือการชิงโชคที่ไม่คุ้นเคยก่อนโอนเงิน
- ห้ามโอนเงินมัดจำหรือฝากเงินเข้าบัญชีให้จนกว่าเช็คที่ได้รับจะขึ้นเงินสำเร็จ
- ติดต่อธนาคารผู้ออกเช็คเพื่อตรวจสอบรายการและความถูกต้อง
- อย่าให้ข้อมูลบัญชีธนาคารแก่บุคคลที่ไม่รู้จัก
10. การหลอกลวงเรื่องงาน
การหลอกลวงเรื่องงานคือ การที่มิจฉาชีพปล่อยโฆษณางานปลอมออกไป เช่น ต้องการนักช้อป หรือทำงานจากบ้าน โดยประกาศผ่านโซเชียลมีเดีย เว็บไซต์ปลอม และแม้แต่ป้ายริมถนน
เมื่อคุณแสดงความสนใจต่องานที่มีประกาศ นักต้มตุ๋นอาจทำให้คุณผ่านขั้นตอนการสัมภาษณ์ปลอม โดยขอให้คุณตอบคำถามและให้ข้อมูลส่วนบุคคล
จากนั้น พวกเขาจะบอกคุณว่าคุณได้รับการว่าจ้าง แต่อธิบายว่าคุณต้องโอนเงินค่าธรรมเนียมหรือฝากเงินเข้าบัญชีเพื่อลงทะเบียนให้คุณในโปรแกรมทำงานจากที่บ้าน ชำระค่าอุปกรณ์ที่จำเป็น หรือเพื่อจบการฝึกอบรมภาคบังคับในคอร์สต่างๆ
คุณจะพบว่างานนั้นเป็นงานปลอมและโดนหลอกหลังจากส่งเงินไปแล้ว
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- ตรวจสอบศูนย์กลางธุรกิจ และบันทึกการจดทะเบียนธุรกิจจากภาครัฐเพื่อยืนยันความถูกต้องของบริษัท
- ระวังการโอนเงินเมื่อได้รับโอกาสการจ้างงานประเภทต่างๆ
- ระวังเมื่อได้รับข้อเสนองานที่ดูดีเกินความจริง
11. การหลอกลวงทางการตลาด
แผนการตลาดที่มุ่งหวังเอาประโยชน์โดยมิจฉาชีพทั้งที่เป็นผู้ซื้อและผู้ขายสินค้าผ่านเฟสบุ๊ก เคร็กลิส อีเบย์ และเว็บไซต์อื่นๆ
การหลอกลวงนี้มีสองเวอร์ชั่น อย่างแรก คือ ผู้ซื้อปลอม โดยผู้ซื้อจะถามว่าสามารถชำระค่าสินค้าผ่านธนาณัติ เช็คส่วนตัว หรือแคชเชียร์เช็คได้หรือไม่
หากผู้ขายตอบว่าได้ ผู้ซื้อปลอมจะส่งเช็คปลอมหรือธนาณัติปลอมในราคาที่สูงกว่าราคาขาย ผู้ซื้อจะขอให้ผู้ขายโอนเงินเข้าบัญชีหรือโอนเงินส่วนเกินกลับไปให้พวกเขา หลังจากโอนเงินส่วนต่างให้แล้วนั้น กลับกลายเป็นว่าเช็คนั้นปลอมและขึ้นเงินไม่ได้
ในด้านผู้ขายปลอมจะพยายามหลอกเอาเงินจากการโอนเงิน โดยการแสดงรายการสินค้าที่น่าดึงดูดใจให้ซื้อบนเว็บไซต์ตลาดกลาง
หากคุณแสดงความสนใจ พวกเขาจะขอให้คุณโอนเงินเข้าบัญชี และจะแจ้งให้คุณทราบว่าพวกเขาจะจัดส่งสินค้าหลังจากได้รับเงินทั้งหมดแล้วเท่านั้น
เมื่อโอนเงินให้ พวกเขาจะติดต่อคุณและแจ้งว่ามีปัญหา บ่อยครั้งที่ผู้ขายปลอมจะอ้างว่าไม่ได้รับเงินและขอให้คุณระบุหมายเลขการโอนเงินเพื่อให้พวกเขาสามารถติดตามการชำระเงินได้ หากคุณให้หมายเลขนี้ไป พวกมิจฉาชีพเหล่านี้จะไปขึ้นเงินสดและไม่ส่งสินค้าที่สั่งให้แต่อย่างใด
วิธีการป้องกันตัวเอง:
- อย่ารับเช็คส่วนตัว ธนาณัติ หรือแคชเชียร์เช็คเมื่อขายสินค้าออนไลน์
- ดำเนินธุรกรรมผ่านแพลตฟอร์มการขายเท่านั้น ให้รอบคอบระวังใครก็ตามที่ขอให้คุณออกนอกระบบเพื่อหลีกเลี่ยงค่าธรรมเนียมนั้นไม่ควรทำ
- ตรวจสอบการรีวิวและการให้คะแนนผู้ซื้อและผู้ขาย
- อย่าโอนเงินผ่านบัญชีโดยตรงเพื่อชำระค่าสินค้าที่คุณสั่งซื้อผ่านตลาดออนไลน์
ตรวจสอบสัญญาณอันตรายการหลอกให้โอนเงิน
หากคุณไม่แน่ใจว่านี่คือการหลอกลวงหรือเปล่า? ตรวจสอบได้จากรายการธงแดงต่อไปนี้
- มิจฉาชีพยืนกรานที่จะจัดการทุกอย่างผ่านอีเมล ข้อความ หรือข้อความโซเชียลมีเดียเท่านั้น
- สะกดคำผิด หรือมีปัญหาด้านไวยากรณ์อย่างมากมายในการสื่อสาร
- ที่อยู่อีเมลสำหรับการตอบกลับและส่งคืนดูแปลกๆ หรือไม่รู้จัก
- สร้างความกดดันให้คุณส่งเงินอย่างรวดเร็ว
- ขอให้คุณส่งเงินไปต่างประเทศอื่นๆ ทั้งที่อ้างว่าอาศัยอยู่ในสหรัฐอเมริกา
- ขอให้ใช้แคชเชียร์เช็ค โอนเงินเข้าบัญชี หรือบอกให้โอนเงินประเภทอื่นๆ ที่คุณไม่อาจตรวจสอบได้
ขอให้ปลอดภัยและห่างไกลจากสแกมเมอร์หลอกโอนเงิน
วิธีป้องกันการดูดเงินและดูดข้อมูล ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนต่อไปนี้
- อย่าให้ข้อมูลส่วนบุคคลทั้งการโทรหรือข้อความที่ไม่พึงประสงค์
- อย่าส่งเงินให้กับคนที่คุณไม่รู้จักเป็นการส่วนตัว
- ติดต่อกลับสมาชิกในครอบครัวโดยตรง หากคุณได้รับคำขอแปลกๆ จากพวกเขา
- อัปเดตรหัสผ่านของคุณเป็นประจำ
- ติดตั้งตัวบล็อกป๊อปอัปและซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัส
- อย่าเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของคุณให้ผู้อื่น ได้แก่ การเข้าสู่ระบบ Remitly ข้อมูลธนาคารออนไลน์ หรือข้อมูลรับรองการเข้าสู่ระบบสำหรับแอปการเงินต่าง ๆ
รายงานกลโกงการโอนเงินและการฝากเงินเข้าบัญชีของมิจฉาชีพ
หากคุณพบว่ามีคนขโมยเงินจากคุณ ให้ดำเนินการอย่างรวดเร็วโดย ติดต่อ Remitly หรือผู้ให้บริการโอนเงินที่คุณใช้ ในบางกรณี อาจยังมีความเป็นไปได้ที่จะกู้คืนเงินที่คุณหามาได้อย่างยากลำบาก
แม้ว่าผู้ฉ้อโกงจะไม่ประสบความสำเร็จในการโอนเงินหรือการฉ้อโกงทางธนาคารเนื่องจากถูกจับได้เสียก่อน คุณก็ควรแจ้งรายงานในความพยายามดังกล่าวกับณะกรรมการว่าด้วยการค้าสหพันธรัฐ (Federal Trade Commission) เพื่อเสนอคำแนะนำโดยละเอียดเกี่ยวกับวิธีการรายงานกลโกงการโอนเงิน ได้ ที่นี่
แม้ว่าอาชญากรจะพยายามใช้ประโยชน์จากระบบการโอนเงินให้เป็นประโยชน์ แต่การโอนเงินและการฝากเงินเข้าบัญชียังเป็นวิธีที่สะดวกในการส่งเงินให้กับคนที่คุณรักที่อยู่ต่างประเทศ การทำตามคำแนะนำที่ระบุไว้ในบทความนี้จะช่วยให้คุณโอนเงินได้อย่างปลอดภัยและป้องกันตนเองจากการฉ้อโกงได้มากยิ่งขึ้น