วิธีหลีกเลี่ยงมิจฉาชีพหลอกโอนเงินในช่วงวันหยุดเทศกาลและวิธีรักษาเงินในบัญชีอย่างไรให้ปลอดภัย

ที่ Remitly เราทำงานตลอดเวลาเพื่อให้แน่ใจว่าเราสามารถดูแลลูกค้าในเรื่องความปลอดภัยและการบริการได้มากเกินกว่าความคาดหวัง ต่อไปนี้เป็นเคล็ดลับที่ถือว่ามีประโยชน์ต่อ การรักษาบัญชี Remitly ของคุณ และบัญชีอื่นๆ ให้ปลอดภัยในช่วงวันหยุดเทศกาล ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาที่มักโดนฉ้อโกงเนื่องจากพวกมิจฉาชีพใช้ประโยชน์จากการเพิ่มขึ้นของการช้อปปิ้งออนไลน์ อ่านเพิ่มเติมเพื่อเรียนรู้วิธีป้องกันข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินของคุณ

ฟิชชิ่งคืออะไร?

ฟิชชิ่งเป็นกลยุทธ์ที่นักต้มตุ๋นมักใช้ทางออนไลน์ การหลอกลวงแบบฟิชชิ่งคือ การที่บุคคลพยายามปลอมตัวเป็นบริษัทที่ถูกต้องตามกฎหมายหรือตัวแทนของบริษัท เพื่อรับข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อผู้ใช้ รหัสผ่าน และรายละเอียดบัญชีธนาคาร เพื่อใช้ข้อมูลในทางประสงค์ร้ายหรือฉ้อโกงเงินจากคุณ

โดยรวมแล้ว การโจมตีแบบฟิชชิ่งถือเป็นอาชญากรรมทางไซเบอร์ประเภทหนึ่งที่พบบ่อยที่สุด ในปี 2022 เพียงปีเดียว Microsoft ตรวจพบ แคมเปญฟิชชิ่งมากกว่า 40 ล้านแคมเปญ บริษัทประมาณ 85% ทั่วโลก ที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีแบบฟิชชิ่งในปีดังกล่าว

การหลอกลวงแบบฟิชชิ่งมีวิธีการอย่างไร

การโจมตีแบบฟิชชิ่งนั้น ผู้หลอกลวงไม่จำเป็นต้องเจาะเข้าไปในคอมพิวเตอร์หรือขโมยข้อมูลประจำตัวเพื่อซื้อข้อมูล อาชญากรเพียงปลอมตัวเป็นบริษัทและองค์กรที่ถูกต้องตามกฎหมาย และหลอกเหยื่อให้เต็มใจเสนอข้อมูลส่วนบุคคลของตน

โดยทั่วไปนั้น การหลอกลวงแบบฟิชชิ่งจะหลอกให้ผู้ใช้ระบุข้อมูลส่วนบุคคลหรือข้อมูลทางการเงินด้วยการปลอมตัวเป็นบริษัทที่ถูกกฎหมาย จึงไม่เป็นที่สงสัยของเหยื่อที่หลงแบ่งปันข้อมูลที่ละเอียดอ่อนให้

การโจมตีแบบฟิชชิ่งอาจมีได้หลายรูปแบบ ดังนี้

อีเมลฟิชชิ่ง

อีเมลฟิชชิ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของการหลอกลวงแบบฟิชชิ่งที่พบบ่อยที่สุด มิจฉาชีพออกแคมเปญฟิชชิ่งนี้ด้วยการส่งข้อความอีเมลหลายพันข้อความโดยแอบอ้างว่าเป็นบริษัทและองค์กรธุรกิจที่น่าเชื่อถือ

อีเมลฟิชชิ่งทั่วไปทำให้ผู้คนแชร์ข้อมูลส่วนตัว โดยแบ่งออกเป็นสองวิธี ดังนี้

อีเมลฟิชชิ่งด้วยการแนบลิงก์อันตราย

อีเมลฟิชชิ่งอาจมีลิงก์ที่อันตรายเชื่อมต่อไปยังเว็บไซต์ปลอม เมื่อคุณคลิกลิงก์นั้น มันจะถูกนำไปยังเว็บไซต์ปลอมที่คล้ายกับเว็บไซต์จริง

แนวคิดคือ การให้เหยื่อป้อนข้อมูลรับรองการเข้าสู่ระบบ เมื่อผู้หลอกลวงได้รับข้อมูลการเข้าสู่ระบบแล้ว พวกเขาก็จะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นความลับของเหยื่อได้

ฟิชชิ่งด้วยไฟล์แนบ

ในอีเมลฟิชชิ่งจะมีไฟล์แนบมา มิจฉาชีพอาจจะบอกเหยื่อว่าพวกเขาได้แนบเอกสารสำคัญในข้อความของพวกเขา บ่อยครั้งมันเป็นใบแจ้งหนี้ปลอม

เมื่อผู้รับดาวน์โหลดไฟล์แนบ มัลแวร์จะถูกติดตั้งบนคอมพิวเตอร์โดยไม่รู้ตัว เมื่อมีซอฟต์แวร์ที่เป็นอันตรายนี้แล้ว นักต้มตุ๋นจะสามารถเข้าถึงข้อมูลที่ละเอียดอ่อนจำนวนมากที่จัดเก็บไว้ในคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์พกพานั้นได้ทันที

ฟิชชิ่งผ่านระบบข้อความ

การฟิชชิ่งผ่าน SMS หรือ ระบบข้อความซึ่งมีชื่อเรียกอีกอย่างว่า SMIshing ทั้งนี้เป็นการโจมตีแบบฟิชชิ่งซึ่งมีต้นกำเนิดผ่านข้อความ SMS บนโทรศัพท์มือถือหรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ต่างๆ

ข้อความ SMIshing ใช้เทคนิคเดียวกับอีเมลฟิชชิ่ง โดยให้ลิงก์ไปยังเว็บไซต์ปลอมหรือไฟล์แนบที่มีมัลแวร์

โพสต์ข้อความและส่งข้อความบนโซเชียลมีเดีย

โซเชียลมีเดียทำให้นักต้มตุ๋นมีวิธีการโจมตีแบบฟิชชิ่งอีกทางหนึ่ง โดยอาจสร้างโปรไฟล์ปลอมบนโซเชียลมีเดียและพยายามดึงดูดผู้ติดตาม เมื่อมีผู้ติดตามก็จะนำเหยื่อไปยังเว็บไซต์และพยายามหลอกให้แชร์ข้อมูลเข้าสู่ระบบ

อีกวิธีหนึ่งคือ การแสดงความคิดเห็นในโพสต์บนโซเชียลมีเดียและมีการวางลิงก์ไปยังเว็บไซต์ปลอม

ในบางกรณี การโจมตีแบบฟิชชิ่งอาจเกิดขึ้นผ่านการส่งข้อความส่วนตัวบนโซเชียลมีเดีย โดยนักต้มตุ๋นใช้กลวิธีเดียวกันกับที่พวกเขาทำเมื่อส่งข้อความและส่งอีเมลถึงเหยื่อ

สเปียร์ฟิชชิ่ง

การโจมตีแบบสเปียร์ฟิชชิ่งเป็นการโจมตีแบบกำหนดเป้าหมาย แตกต่างจากแคมเปญฟิชชิ่งทั่วไปที่เข้าถึงคนกลุ่มใหญ่ โดยจะเป็นฟิชชิ่งแบบพุ่งเป้าไปหาบุคคลใดบุคคลหนึ่ง เช่น คนที่มีสิทธิ์เป็นผู้ดูแลระบบและสามารถเข้าถึงระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท หรือผู้มีอำนาจตัดสินใจคนสำคัญในบริษัท

เป้าหมายสูงสุดของการโจมตีแบบสเปียร์ฟิชชิ่งนั้นเหมือนกับการโจมตีแบบอีเมลและการส่งข้อความอื่นๆ แต่เนื้อหาของข้อความมีแนวโน้มที่จะเป็นส่วนตัวมากขึ้น

มิจฉาชีพจะใช้เวลาในการค้นหาเหยื่อเมื่อวางแผนโจมตีแบบสเปียร์ฟิชชิ่ง โดยพวกเขามักจะปลอมตัวเป็นผู้ขายหรือบริษัทที่เหยื่อมีส่วนเกี่ยวข้องเป็นประจำเพื่อทำให้ความพยายามสเปียร์ฟิชชิ่งของพวกเขาน่าเชื่อถือที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

ฟิชชิ่งด้วยเสียง

การทำฟิชชิ่งด้วยเสียงหรือวิชชิ่ง คือ การที่มิจฉาชีพมุ่งเป้าไปที่เหยื่อผ่านทางโทรศัพท์ แทนที่จะเป็นอีเมลหรือข้อความ เมื่อเหยื่อรับสาย มิจฉาชีพจะอ้างว่าเป็นตัวแทนของบริษัทหรือองค์กร และขอรายละเอียดส่วนบุคคลเกี่ยวกับพวกเขาทางโทรศัพท์ และเพื่อให้การโทรน่าเชื่อถือมากยิ่งขึ้น พวกเขาอาจใช้เทคโนโลยีที่เปลี่ยนหมายเลขโทรศัพท์ของตนให้ปรากฏบนหมายเลขผู้โทรที่ดูแล้วว่าถูกต้องตามกฎหมาย

โดยทั่วไป การหลอกลวงแบบฟิชชิ่งมีรูปแบบอย่างไร

มิจฉาชีพมีความพยายามหลอกให้คุณเข้าชมหน้าเว็บปลอม เปิดเผยรายละเอียดส่วนบุคคล หรือดาวน์โหลดมัลแวร์ได้หลายวิธี ประเภทการโจมตีแบบฟิชชิ่งที่พบบ่อยที่สุด ได้แก่

การหลอกลวงข้อมูลการติดต่อส่วนบุคคล

ในแผนการนี้ มิจฉาชีพจะส่งอีเมลฟิชชิ่งหรือข้อความที่อ้างว่าเป็นเพื่อนของบุคคล สมาชิกในครอบครัว หรือผู้ติดต่อทางธุรกิจ มักใช้สำหรับการพยายามแบบสเปียร์ฟิชชิ่งเพื่อหลอกลวงโดยใช้ความไว้วางใจระหว่างคนสองคนซึ่งมีจุดประสงค์เพื่อให้เหยื่อดาวน์โหลดไฟล์แนบหรือไปที่เว็บไซต์ปลอม

กลโกงการจัดส่งพัสดุ

ฟิชชิ่งอยู่ในรูปแบบการจัดส่งพัสดุ โดยนักต้มตุ๋นจะปลอมตัวเป็นผู้ให้บริการไปรษณีย์ หรือผู้ให้บริการจัดส่ง ซึ่งมีการส่งอีเมลปลอมและข้อความแจ้งว่ามีปัญหากับการจัดส่ง ข้อความเหล่านี้อาจขอข้อมูลการชำระเงินเพื่อให้ครอบคลุมค่าขนส่ง หรือขอรายละเอียดส่วนบุคคลอื่นๆ เช่น ที่อยู่ หรือหมายเลขประกันสังคมเพื่อใช้ยืนยันตัวตนเกี่ยวกับคุณ

การแอบอ้างเป็นหน่วยงานของรัฐ

มิจฉาชีพสามารถใช้ประโยชน์จากความกลัวที่ผู้คนมีต่อหน่วยงานของรัฐบางแห่งได้ ตัวอย่างเช่น การส่งอีเมลฟิชชิ่งโดยอ้างว่าเป็นสรรพกร และเรียกร้องให้เหยื่อชำระเงินออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงการตรวจสอบบัญชีหรือการลงโทษทางภาษี

อีกวิธีหนึ่งคือ การปลอมตัวเป็นหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายและขอหมายเลขบัตรเครดิตหรือหมายเลขบัญชีธนาคารจากบุคคลอื่นเพื่อชำระค่าปรับ หากบุคคลนั้นปฏิเสธ พวกเขาอาจสร้างความรู้สึกเร่งด่วนโดยการข่มขู่ หรือคนที่คุณรักอาจรับโทษจำคุก

การหลอกลวงสถาบันการเงินและทางธุรกิจ

อีกแนวทางหนึ่งในการฟิชชิ่ง คือ การนำบริษัทที่มีชื่อเสียงมาอ้าง โดยนักหลอกลวงอาจส่งอีเมลฟิชชิ่งไปยังบุคคลโดยอ้างว่าเป็นสถาบันการเงิน เช่น ธนาคารหรือบริษัทบัตรเครดิต

ในอีเมลฟิชชิ่งนี้ พวกเขาอาจแจ้งว่าบัญชีมีปัญหา เช่น มีการทำธุรกรรมที่น่าสงสัย ซึ่งในอีเมลฟิชชิ่งจะแนะนำให้บุคคลนั้นลงชื่อเข้าใช้บัญชีเพื่อยืนยันข้อมูล

นอกจากนั้น นักต้มตุ๋นอาจแอบอ้างเป็นบริษัทสาธารณูปโภคและร้านค้าอีคอมเมิร์ซ โดยใช้กลวิธีที่คล้ายกันนี้

การหลอกลวงเนื่องจากงานการกุศล

การฉ้อโกงแบบฟิชชิ่งเพื่อการกุศลนั้นร้ายกาจอย่างยิ่ง เนื่องจากมันมุ่งเป้าไปหาผู้ที่เต็มใจให้การช่วยเหลือการกุศลจากอีเมลฟิชชิ่งและข้อความที่ได้รับ นักหลอกลวงแสร้งทำเป็นองค์กรไม่แสวงหาผลกำไรและขอข้อมูลทางการเงินเพื่อไปดำเนินเรื่องการบริจาค

มิจฉาชีพค้นหาข้อมูลด้านใดบ้างเพื่อนำไปใช้หลอกแบบฟิชชิ่ง

เมื่อมิจฉาชีพเริ่มแผนการฟิชชิ่ง พวกเขาอาจมีเป้าหมายที่แตกต่างกันในใจ อย่างไรก็ตาม ส่วนใหญ่จะเป็นข้อมูลที่ละเอียดอ่อนและเป็นข้อมูลส่วนตัว ได้แก่:

  • หมายเลขบัตรเครดิต วันหมดอายุ และรหัสความปลอดภัย
  • เส้นทางบัญชีธนาคารและหมายเลขบัญชี
  • หมายเลขประกันสังคม
  • ใบขับขี่และหมายเลขบัตรประจำตัวประชาชน
  • ข้อมูลการเข้าสู่ระบบ เช่น ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน
  • ข้อมูลระบุตัวตนอื่นๆ เช่น ที่อยู่และหมายเลขโทรศัพท์

หากคุณตกเป็นเหยื่อของการโจมตีแบบฟิชชิ่งจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง?

ผลจากการโจมตีแบบฟิชชิ่งสำเร็จนั้นอาจเกิดผลรุนแรงขึ้นได้ เรามาสำรวจความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุดจากการฟิชชิ่งกัน

การโจรกรรมข้อมูลประจำตัว

การให้ข้อมูลที่ละเอียดอ่อนแก่มิจฉาชีพ จะทำให้คุณตกเป็นเหยื่อของการขโมยข้อมูลส่วนตัวได้ โดยมิจฉาชีพอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลและข้อมูลทางการเงินของคุณเพื่อเปิดบัญชีบัตรเครดิต กู้ยืมเงิน ก่อหนี้ค่ารักษาพยาบาล และอื่นๆ อีกมากมาย

การทำธุรกรรมฉ้อโกง

หากนักต้มตุ๋นได้รับข้อมูลเข้าสู่ระบบหรือข้อมูลการชำระเงินของคุณ พวกเขามักจะสามารถทำธุรกรรมได้  เช่น การซื้อสินค้าที่เรียกเก็บเงินจากบัตรเดบิตหรือบัตรเครดิตของคุณ การโอนเงิน หรือฝากเงินให้กับตัวเอง

การโจมตีของแรนซัมแวร์ (Ransomware)

การโจมตีของแรนซัมแวร์ทำให้มิจฉาชีพเข้าควบคุมคอมพิวเตอร์หรืออุปกรณ์เคลื่อนที่ของเหยื่อ ซึ่งทำให้ผู้ถูกหลอกไม่สามารถใช้อุปกรณ์ของตนเองได้ และข้อมูลที่ละเอียดอ่อนก็จะกลายเป็นช่องโหว่ทำให้นักต้มตุ๋นสามารถเข้าควบคุมข้อมูลเพื่อเรียกร้องเอาเงิน

วิธีสังเกตความพยายามในการฟิชชิ่ง

แม้ว่าจะไม่มีวิธีป้องกันการฟิชชิ่งจากพวกต้มตุ๋น แต่คุณสามารถควบคุมได้ว่าคุณจะกลายเป็นเหยื่อหรือไม่ เมื่อตรวจพบอีเมลฟิชชิ่งและข้อความฟิชชิ่ง คุณสามารถหลีกเลี่ยงการตกเป็นเหยื่อได้โดยสังเกตสัญญาณที่น่าสงสัยบางอย่างทั้งในอีเมลและข้อความ ดังนี้

  • ข้อความพิมพ์ผิดและมีข้อผิดพลาดทางไวยากรณ์
  • โลโก้ไม่ตรงกับเว็บไซต์ทางการ
  • ลิงค์เว็บไซต์เป็นชุดตัวอักษรและตัวเลขแบบสุ่ม
  • ข้อมูลไม่ถูกต้อง เช่น ชื่อของคุณไม่เหมือนกับชื่อจริงในบัญชีของคุณ
  • ที่อยู่อีเมลและหมายเลขโทรศัพท์ไม่ตรงกับที่อยู่ขององค์กร

เทคนิคการป้องกันฟิชชิ่งระดับสูงสุด

นอกเหนือจากตรวจสอบอีเมลและข้อความที่น่าสงสัยแล้ว ยังมีกลยุทธ์อื่นๆ ที่คุณสามารถใช้เพื่อป้องกันการฟิชชิ่ง โดยให้ปฏิบัติตามคำแนะนำดังต่อไปนี้

หลีกเลี่ยงการคลิกลิงก์ที่น่าสงสัย

หากคุณไม่แน่ใจเกี่ยวกับอีเมลที่ได้รับ อย่าคลิกลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์ที่แนบมา การได้รับเพียงอีเมลฟิชชิ่งหรือข้อความฟิชชิ่งจะไม่สามารถทำลายข้อมูลที่ละเอียดอ่อนของคุณได้ ดังนั้นการไม่คลิกจะช่วยให้คุณปลอดภัยได้

ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าโดยตรง

หากคุณมีข้อสงสัยเกี่ยวกับความถูกต้องของอีเมล ให้ติดต่อผู้ส่งโดยตรง โดยทำการค้นหาทางอินเทอร์เน็ตหรือดูจากใบเรียกเก็บเงินหรือใบแจ้งยอดชำระเพื่อค้นหาข้อมูลติดต่อที่แท้จริงขององค์กร จากนั้นให้โทรยืนยันข้อความที่ได้รับ

อัปเดตซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสเป็นประจำ

ซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสสามารถช่วยป้องกันคอมพิวเตอร์ของคุณจากฟิชชิ่งและการโจมตีด้านอื่นๆ ได้ ตรวจสอบว่าคุณได้ติดตั้งซอฟต์แวร์ป้องกันไวรัสไว้ในระบบของคุณหรือยัง และมีการอัปเดตบ่อยตามที่แนะนำหรือไม่ การอัปเดตระบบปฏิบัติการโทรศัพท์มือถือและคอมพิวเตอร์ของคุณให้ทันสมัยอยู่เสมอจะช่วยป้องกันได้เช่นกัน

ใช้ตัวกรองสแปม

ตัวกรองสแปมในอีเมลช่วยกรองอีเมลที่น่าสงสัยออกจากกล่องจดหมายให้คุณ ซึ่งทำให้คุณมีโอกาสคลิกอีเมลเหล่านั้นน้อยลง เมื่อข้อความสแปมผ่านช่องโหว่และไม่ผ่านการคัดกรอง ให้ตั้งค่าสถานะอีเมล์นั้นว่าเป็นสแปมเพื่อช่วยให้ฝ่ายบริการอีเมลของลูกค้าตรวจสอบ การทำเช่นนี้จะช่วยลดจำนวนอีเมลฟิชชิ่งที่ผ่านตัวกรองสแปมของคุณได้

เปลี่ยนรหัสผ่านของคุณเป็นประจำ

การถูกบุกรุกบนเว็บไซต์หรืออีเมลธุรกิจอาจทำให้ชื่อผู้ใช้งานและรหัสผ่านของคุณเปิดเผย ส่งผลให้คุณเสี่ยงต่อการถูกหลอกลวงแบบฟิชชิ่งมากขึ้น การเปลี่ยนรหัสผ่านของคุณเป็นประจำและการใช้รหัสผ่านที่ไม่ซ้ำกันบนเว็บไซต์ทั้งหมดจะช่วยปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของคุณได้

การยืนยันตัวตนโดยใช้หลายปัจจัย

การยืนยันตัวตนโดยใช้หลายปัจจัย หรือ MFA คือ การยืนยันตัวตนที่ต้องทำมากกว่าหนึ่งสิ่งหรือผ่านอุปกรณ์มือถือของคุณ เพื่อเข้าถึงบัญชีออนไลน์ ตัวอย่างเช่น คุณอาจต้องป้อนรหัสที่คุณได้รับทางอีเมลหรือข้อความหลังจากระบุชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านแล้ว

ให้เลือกใช้การยืนยันตัวตนโดยใช้หลายปัจจัยทุกครั้ง การทำเช่นนี้เป็นขั้นตอนพิเศษที่ถือเป็นอุปสรรคในการเข้าถึงข้อมูลของคุณจากการทำฟิชชิ่ง

อบรมพนักงาน

หากคุณเป็นเจ้าของธุรกิจขนาดเล็ก ให้อบรมพนักงานเกี่ยวกับวิธีสังเกตอีเมลและข้อความที่น่าสงสัย การฝึกอบรมอย่างต่อเนื่องสามารถช่วยปกป้องธุรกิจของคุณจากผู้ที่ต้องการขโมยเงินหรือเข้ายึดระบบของคุณได้

คุณจะต้องรายงานกลโกงฟิชชิ่งให้ใครบ้าง?

เมื่อคุณได้รับข้อความและอีเมลที่น่าสงสัย การรายงานปัญหาอาจนำไปสู่การจับกุมบุคคลเหล่านั้นที่พยายามหลอกให้ผู้อื่นส่งเงินหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล คุณสามารถรายงานการหลอกฟิชชิ่งให้กับองค์กรต่อไปนี้ได้

เจ้าหน้าที่รัฐ

ประเทศส่วนใหญ่มีหน่วยงานที่ปกป้องผู้บริโภคจากอาชญากรรมไซเบอร์และยอมรับรายงานเกี่ยวกับฟิชชิ่งและการหลอกลวงออนไลน์ต่างๆ สำหรับในประเทศสหรัฐอเมริกาจะมีหน่วยงาน ชื่อ  กรรมาธิการการค้าแห่งสหพันธรัฐ (Federal Trade Commission หรือ FTC) คุณสามารถยื่นเรื่องร้องเรียนการฉ้อโกงผ่าน FTC ได้โดยคลิก ที่นี่

กลุ่มอุตสาหกรรม

กลุ่มอุตสาหกรรมบางกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันฟิชชิ่งก็ยอมรับรายงานเช่นกัน คณะทำงานต่อต้านฟิชชิ่งเป็นตัวอย่างที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด การยื่นรายงานผ่านกลุ่มนั้นง่ายดาย เพียงคุณส่งต่ออีเมลที่น่าสงสัยของคุณไปที่ reportphishing@apwg.org

ธุรกิจที่ถูกแอบอ้าง

แม้ว่าจะไม่จำเป็น แต่คุณสามารถแจ้งให้สถาบันการเงิน องค์กรการกุศล และธุรกิจต่างๆ ให้ทราบได้เช่นกันเมื่อพวกมิจฉาชีพส่งอีเมลหรือข้อความที่สวมรอยเป็นตัวแทนขององค์กรเหล่านี้ อีกทั้ง คุณควรแจ้งสมาชิกในครอบครัว เพื่อน และผู้ติดต่อทางธุรกิจได้ หากมีคนแอบอ้างนี้เกิดขึ้น

บริการอีเมล์และอินเทอร์เน็ต

การรายงานผู้ให้บริการอีเมลและ/หรือผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการทั้งสองยอมรับรายงานฟิชชิ่งจากคุณโดยเพียงปฏิบัติตามคำแนะนำและส่งรายงานอีเมลปลอมผ่าน Gmail และ Microsoft Outlook นี้

การบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่

หากคุณสูญเสียเงินเนื่องจากฟิชชิ่ง คุณสามารถยื่นรายงานต่อกรมตำรวจและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายในพื้นที่ของคุณได้ โดยคุณจะต้องเดินทางไปที่สถานีตำรวจที่ใกล้ที่สุดเพื่อรายงานข้อมูลนั้น

ฉันจะปกป้องบัญชี Remitly ของฉันจากการโจมตีแบบฟิชชิ่งได้อย่างไรบ้าง

เพื่อความปลอดภัยของคุณ ทาง Remitly จะไม่ขอให้คุณเปลี่ยนรายละเอียดข้อมูลทางบัญชีธนาคาร การเปลี่ยนแปลงรายละเอียดทางธนาคารใด ๆ ก็ตามจะต้องเป็นคำขอมาจากคุณ (ลูกค้าของเรา) เท่านั้น คุณสามารถแชร์เอกสารหรือข้อมูลบัญชีส่วนบุคคลได้อย่างปลอดภัยโดยจะต้องลงชื่อเข้าระบบก่อนเข้าใช้เว็บไซต์ หรือ แอป Remitly ตามขั้นตอนง่ายๆ ดังนี้:

  1. เข้าระบบบัญชี Remitly
  1. เมื่อเข้าสู่ระบบแล้ว คุณจะได้รับการแจ้งเตือนสีแดงด้านบนของหน้าจอ
  2. คลิกที่การแจ้งเตือนนั้นเพื่อรับคำแนะนำ จากนั้นให้ปฏิบัติตามคำแนะนำเพื่ออัปโหลดเอกสารของคุณได้อย่างปลอดภัย

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการรักษาบัญชีของคุณให้ปลอดภัย กรุณาคลิกไปที่หน้าเพจความปลอดภัยบนเว็บไซต์ของเราได้ ที่นี่