หมายเลข Routing กับ หมายเลขบัญชี: คู่มือฉบับสมบูรณ์สำหรับการโอนเงินภายในสหรัฐฯ
ต้องการโอนเงินให้เพื่อนหรือย้ายเงินระหว่างบัญชีธนาคารใช่ไหม? หากคุณทำธุรกรรมในสหรัฐอเมริกา “หมายเลข routing” และ “หมายเลขบัญชี” จะเข้ามามีบทบาทสำคัญ
ในสหรัฐฯ บัญชีเงินฝากทุกบัญชีจะมีรหัสประจำสองชุด
-
หมายเลข routing (9 หลัก) ใช้ระบุตัวธนาคารปลายทาง
-
หมายเลข บัญชี (ยาว 8–17 หลัก ขึ้นอยู่กับธนาคาร) ใช้ระบุตัวบัญชีลูกค้าแต่ละรายภายในธนาคารนั้น
คู่มือนี้จากทีม Remitly จะอธิบายอย่างละเอียด
หมายเลขบัญชี (Account Number) คืออะไร
หมายเลขบัญชีทำหน้าที่เหมือน “เบอร์โทรส่วนตัว” ของคุณในระบบธนาคาร ไม่มีลูกค้าคนอื่นมีตัวเลขซ้ำกัน แต่ละธนาคารกำหนดรูปแบบต่างกัน บางแห่งสุ่มตัวเลข บางแห่งใช้รหัสลูกค้าตามด้วยขีดคั่น เช่น 12345-1 สำหรับเช็กกิ้ง และ 12345-2 สำหรับเซฟวิ่ง หมายเลขบัญชีจำเป็นต่อการประมวลผลธุรกรรมทุกประเภท เพราะธนาคารหนึ่ง ๆ อาจมีผู้ถือบัญชีหลายล้านราย
หมายเลข Routing (Routing Number) คืออะไร
หมายเลข routing หรือ ABA routing number คือรหัส 9 หลักที่สมาคมธนาคารอเมริกัน (American Bankers Association) กำหนดขึ้นตั้งแต่ปี 1910 เพื่อให้การเคลียร์เช็กปลอดภัยและรวดเร็ว ทุกธนาคารในสหรัฐฯ มีอย่างน้อยหนึ่งหมายเลข routing บางสถาบันขนาดใหญ่หรือธนาคารที่ควบรวมกันอาจมีหลายรหัส รวมถึงรหัสเฉพาะสำหรับการโอน ACH และการโอน Wire
IBAN คืออะไร
International Bank Account Number (IBAN) ไม่ใช่หมายเลขบัญชีปกติ แต่เป็นรหัสมาตรฐานสากลที่ใช้ประกอบธุรกรรมระหว่างประเทศ เช่น การโอน Wire ต่างประเทศ สหรัฐฯ ไม่ใช้ IBAN แต่ประเทศยุโรปจำนวนมากใช้รหัสนี้ซึ่งประกอบด้วย
-
รหัสประเทศ 2 ตัวอักษร
-
เลขตรวจสอบ 2 หลัก
-
รหัสธนาคารเฉพาะ
-
BBAN (Basic Bank Account Number) สำหรับระบุตัวบัญชีภายในประเทศปลายทาง
จะหาเลข Routing และเลขบัญชีได้ที่ไหน
-
เช็กกระดาษ – มองด้านล่างเช็กเรียงจากซ้ายไปขวา: หมายเลข routing | หมายเลขบัญชี | หมายเลขเช็ก
-
โมบาย/อินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง – ค้นหาเมนู Account Details หรือ Routing & Account Info
-
เว็บไซต์ ABA – หากทราบชื่อธนาคารเท่านั้น สามารถค้นหารหัส routing ได้ผ่านฟังก์ชันค้นหาของ ABA
การใช้งาน routing และ account number
เริ่มแรกทั้งสองรหัสถูกสร้างมาเพื่อเคลียร์เช็กบนกระดาษ ทุกวันนี้ยังคงใช้สำหรับ
-
โอนเงิน ACH ภายในประเทศ
-
โอน Wire ภายในประเทศ
-
ตัดเงินอัตโนมัติชำระบิล
-
รับเงินเดือนผ่าน Direct Deposit
-
สั่งพิมพ์เช็กเล่มใหม่
แม้ธุรกรรมจะดำเนินแบบดิจิทัล ระบบก็ยังอ้างอิงสองหมายเลขนี้เป็น “เช็กอิเล็กทรอนิกส์”
รูปแบบความยาว
หมายเลข routing – ตายตัว 9 หลักทุกธนาคาร
หมายเลขบัญชี – ธนาคารกำหนดยาว 8 ถึง 17 หลัก ให้เพียงพอแยกบัญชีลูกค้าแต่ละราย
บัตรเดบิต/เครดิต มีหมายเลข routing หรือไม่
ไม่มี บัตรเดบิตและบัตรเครดิตใช้หมายเลขบัตร 16 หลัก (Visa / Mastercard / Discover / AmEx) ซึ่งแยกส่วนระบุเครือข่าย ผู้ออกบัตร และเจ้าของบัญชี จึงต่างจาก routing + account number
ใช้ ATM ต้องระบุ routing หรือ account ไหม
ไม่ต้อง ATM อ่านข้อมูลจากแถบแม่เหล็ก/ชิปของบัตรเดบิตแล้วตรวจสอบ PIN หาก ATM ขอข้อมูลเหล่านี้ควรโทรสอบถามธนาคารก่อน
ความปลอดภัยในการให้หมายเลข
ควรเก็บหมายเลข routing และหมายเลขบัญชีเป็นความลับ ถ้าผู้ไม่หวังดีได้ข้อมูล อาจสร้างคำสั่งเดบิตหลอกได้ แม้กฎหมายคุ้มครองผู้บริโภคสหรัฐฯ บังคับให้ธนาคารรับผิดชอบคืนเงินธุรกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต แต่การป้องกันไว้ดีกว่าตามแก้
ทางเลือกเสริมคือจ่ายบิลผ่านบริการ Bill Pay ของธนาคาร ซึ่งไม่ต้องส่งหมายเลขบัญชีตรงให้แต่ละผู้รับ
โอนเงินด้วย routing + account number ได้เสมอหรือไม่
-
โอนภายในสหรัฐฯ: ได้ ผ่าน ACH หรือ Wire แต่หลายธนาคารอนุญาตเฉพาะบัญชีชื่อตรงกัน
-
โอนระหว่างบุคคลต่างชื่อ: บางธนาคารไม่รองรับ ต้องใช้บริการภายนอก (เช่น Zelle, Cash App)
-
โอนต่างประเทศ: routing + account number ไม่พอ ต้องใช้ SWIFT/BIC หรือใช้แพลตฟอร์มโอนเงินระหว่างประเทศ
ถ้าคุณต้องส่งเงินให้ครอบครัวในต่างแดน Remitly คือทางเลือกสะดวกกว่า ACH รองรับการส่งตรงเข้าบัญชี ผู้รับรับเป็นเงินสด หรือรับผ่านวอลเล็ตมือถือได้ หลายช่องทางส่งถึงภายในไม่กี่นาที พร้อมอัตราแลกเปลี่ยนโปร่งใส ค่าธรรมเนียมคงที่
สรุป
หมายเลข routing ชี้ว่าเงินไป “ธนาคารใด” หมายเลข account ระบุว่าเข้าบัญชี “ของใคร” ถ้าคุณโอนภายในสหรัฐอเมริกา มักต้องใช้ทั้งสองรหัส แต่สำหรับการโอนเงินต่างประเทศ เลือกแอปเชื่อถือได้อย่าง Remitly เพื่อความรวดเร็ว ค่าธรรมเนียมต่ำ และขั้นตอนไม่ซับซ้อนในการดูแลคนที่คุณรักทั่วโลก